
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ คืออะไร
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ หมายถึง จำนวนเงินที่ต้องเสียให้กับบริษัทประกัน ในการซื้อความคุ้มครองจากประกันภัย โดยการจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะมีทั้งการจ่ายครั้งแรกเพียงครั้งเดียว กับการจ่ายครั้งแรกแล้วหลังจากนั้นจ่ายเป็นงวด ตามระยะเวลาที่ถูกระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแผนประกันรถยนต์ที่ผู้เอาประกันเลือกทำ รวมไปถึงความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ทั้งในเรื่องของอาชีพ อายุ และสุขภาพของผู้เอาประกันนั่นเอง
ทุนประกันภัยรถยนต์จะส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยรถยนต์อย่างไร
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ทุนประกันภัยรถยนต์สูง เบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็จะสูงตามไปด้วย เนื่องจากได้รับความคุ้มครองที่มากกว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแทบไม่ต้องควักเงินจ่ายเองด้วยซ้ำ เพราะบริษัทประกัน ฯ ที่ผู้เอาประกันทำอยู่จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี ที่เลือกทำประกันรถยนต์ที่มีทุนประกันสูง และยอมจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์มากกว่าเดิม เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและดีที่สุด
แต่แผนประกันรถยนต์ในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้รถของคนทุกรูปแบบ ดังนั้นคนที่มีงบไม่มาก ไม่ค่อยได้ใช้รถ หรือมีประสบการณ์ขับขี่สูง ก็สามารถเลือกแผนประกันรถยนต์ที่มีทุนประกันภัยรถยนต์ในราคาที่ไม่สูงมาก และเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ประหยัดได้ แต่ก็แลกมาด้วยความคุ้มครองที่ลดลง รวมถึงเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้รับความเสียหายกับตัวรถ ผู้เอาประกันก็อาจจะต้องควักเงินจ่ายเองเวลาซ่อม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยรถยนต์
ปัจจัยที่บริษัทประกันภัยใช้คำนวณเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่คุณควรรู้ไว้ มีดังนี้
1. อายุ
เรื่องของอายุและประสบการณ์เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันมา และมักจะถูกพิจารณาร่วมกับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ ซึ่งเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะถูกหรือแพง ก็ขึ้นอยู่กับอายุและประสบการณ์การขับขี่ของผู้เอาประกันรถยนต์นั่นเอง
2. ประเภทของรถยนต์
บริษัทประกันภัยบางแห่ง มีการจัดอันดับความปลอดภัยของรถยนต์ โดยวิเคราะห์จากยี่ห้อ รุ่นรถ ปีที่ผลิต และราคา ร่วมกับข้อมูลการเคลมค่าสินไหมทดแทนของลูกค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกนำมาพิจารณาเบี้ยประกันภัยรถยนต์เช่นเดียวกัน เนื่องจากหากเป็นรถรุ่นใหม่ หรือรถใหม่ป้ายแดง ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือโดนโจรกรรมได้ง่าย จึงทำให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์แพงขึ้นนั่นเอง
3. ประวัติการขับขี่รถยนต์
หากคุณมีประวัติการเคลมหรือประวัติการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ ก็อาจจะทำให้คุณต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในราคาที่สูง ในทางกลับกันหากคุณไม่มีประวัติการเคลมหรือเกิดอุบัติเหตุมาก่อน ผู้เอาประกันก็จะได้รับส่วนลดของเบี้ยประกันภัยรถยนต์เมื่อต่ออายุกรมธรรม์ในปีถัดไป